หนุ่มเก็บเงิน 1 แสน รีบแจ้ง ตร. ตามหาเจ้าของ ก่อนได้การตอบแทนที่เรียกว่าเปลี่ยนชีวิต

           หนุ่มปั่นรถหาของเก่าขาย เก็บเงิน 1 แสน รีบไปแจ้งตำรวจตามหาเจ้าของ ก่อนความดีเห็นผล ได้งานใหม่ทำแล้ว           วันที่ 14 มีนาคม 2568 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า เกิดเรื่องราวชวนประทับใจขึ้นในพื้นที่ ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี กรณี นายบุญกอง มั่นเมืองปัก หรือน้ำฝน อายุ 28 ปี ปั่นจักรยานพ่วงรถเข็นของเก่า เข้ามาแจ้งความที่ สภ.กลางใหญ่ แจ้งว่า เก็บเงินสดได้ 100,000 บาท ริมถนนกลางใหญ่-น้ำโสม หน้า บ.เมืองไทยแคปปิตอล ต.กลางใหญ่ ไม่ทราบว่าเป็นเงินของใคร จึงอยากให้ตำรวจช่วยตามหาเจ้าของ

          ต่อมา ตำรวจจึงเดินทางไปพร้อมกับ นายน้ำฝน เพื่อตรวจสอบจุดที่พบเงินสด และหาเบาะแสว่าใครเป็นเจ้าของ ระหว่างนั้นมี นางปิยะนุช หรืออุ๊ อายุ 41 ปี ขับรถกระบะมากับครอบครัวที่จุดเกิดเหตุ เพื่อมาตามหาเงินสดที่ทำหล่นหายไว้เช่นกัน ตำรวจจึงเชิญตัวทั้งหมดไปทำการสอบถามที่โรงพัก
          นางปิยะนุช เปิดเผยว่า ตนทำธุรกิจรับซื้อยางพารา วันนี้จะต้องใช้เงินสดจำนวนมากเพื่อรับซื้อจากเกษตรกรในพื้นที่ จึงนำสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 11 เส้น ไปจำนำที่ร้านทอง ได้เงินสดมา 450,000 บาท เมื่อกลับมาถึงลานรับซื้อ ตรวจเช็กดูเงินอีกครั้ง ก็พบว่าเงินสดหายไป 1 ปึก เหลือเงินอยู่แค่ 350,000 บาท พยายามหาในรถแล้วก็ไม่เจอ จึงพากันย้อนกลับมาที่ร้านทอง เช็กวงจรปิดก็เห็นว่าส่งมอบเงินครบถ้วน จึงย้อนมาตรงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นจุดที่จอดรถเพื่อกดเงินจากตู้ ATM ก็เห็นตำรวจอยู่ตรงนั้นพอดี

          ตนจึงรีบถามตำรวจเลยว่า มาเรื่องเงินหาย 1 แสนบาทใช่หรือไม่ ตำรวจก็งงว่ารู้ได้ยังไง ตนก็อธิบายที่มาที่ไป จนได้พากันไปที่โรงพักเพื่อพิสูจน์ความจริง และส่งมอบเงินคืนกันในที่สุด ดีใจมากที่ได้เงินคืนครบถ้วน ไม่นึกว่ายังมีคนดีแบบนี้อยู่ในสังคม หากเป็นคนอื่นคนเก็บเงินเอาไปใช้แล้ว แต่นายน้ำฝนเป็นคนดีมาก ไม่คิดอยากได้ของคนอื่นเลย น้องเขาเป็นคนดีจริง ๆ ไม่รู้ว่าจะขอบคุณยังไง

          จากนั้น นางปิยะนุช มอบสินน้ำใจให้นายน้ำฝน 3,000 บาท ก่อนนำจักรยานและรถเข็น ขึ้นรถกระบะไปส่งที่บ้าน พร้อมกับดูสภาพความเป็นอยู่ที่บ้านของพลเมืองดีท่านนี้ จนพบว่าสภาพบ้านของนายน้ำฝน น่าสงสารมาก ต้องเก็บของเก่าขาย 10 วันเอาไปขาย ได้เงินมา 500 – 600 บาท ถามชาวบ้านก็บอกน้องเป็นคนดี อยู่กับยาย 2 คน น้องน้ำฝนต้องหาเลี้ยงยายเพียงลำพัง น้องไม่มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หลังจากนี้จะปรึกษากับครอบครัวเพื่อหาทางช่วยเหลือน้องเพิ่มอีก

หนุ่มเก็บของเก่าย้ำคำสอนจากยาย มากกว่านี้ก็ไม่คิดฮุบไว้เพราะมันไม่ใช่ของของเรา

          ต่อมา ตำรวจได้ขับรถมารับตัว นายน้ำฝน มาที่โรงพัก พร้อมกับแจ้งข่าวดีว่า นางปิยะนุช เจ้าของเงินที่เก็บคืนให้ เป็นเสมียนลานยางปรีชากลางใหญ่ ซึ่งเธอนั้นได้ปรึกษากับเจ้านายซึ่งเป็นเจ้าของกิจการลานรับซื้อยางพารา และตกลงกันว่าจะรับนายน้ำฝน เข้าทำงานประจำที่ลานรับซื้อยาง  

          นายน้ำฝน เปิดใจว่า ตนเองรับงานรับจ้างทั่วไป แต่ก็ไม่ค่อยมีใครจ้าง ช่วงที่ไม่มีงานทำก็จะปั่นจักรยานพ่วงไปเก็บขยะ ซึ่งซื้อมาในราคา 2,600 บาท ด้วยเงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพราะอยากหาเงินมาจุนเจือครอบครัว เก็บสะสมไว้ที่บ้าน 10 - 15 วัน ถึงจะรวบรวมขาย
          ก่อนจะเก็บเงิน 1 แสนนั้น ตนก็เดินหาเก็บขยะรีไซเคิล เห็นเงินเป็นปึกวางอยู่พื้นริมถนนข้างเสาไฟฟ้า พอเห็นก็เลยหยิบขึ้นมา รีบปั่นจักรยานไปแจ้งตำรวจหาเจ้าของ ส่วนสาเหตุที่ไม่เก็บไว้เองเพราะ มันไม่ใช่ของเรา จึงไม่อยากได้ เรื่องนี้ยายเป็นคนสั่งสอนไว้ ตอนนี้รู้สึกดีใจที่จะได้มีงานทำ จากนี้ก็จะกลับไปบอกยาย ยืนยันว่า แม้จะเก็บเงินได้มากกว่านี้ หรือเป็นล้านบาท ก็จะนำมาคืนเจ้าของเช่นเดิม เพราะว่ามันไม่ใช่เงินของเรา

          ด้าน นางวิไล หรือเจ๊วิ เจ้าของกิจการลานยางปรีชากลางใหญ่ เปิดเผยว่า จะดูแลน้องน้ำฝน ให้เข้ามาทำงานประจำที่ลานยาง ตนชอบที่น้องไม่มีความโลภ เป็นคนนิ่ง มีจิตใจดี ไม่อยากได้ของใคร ที่สำคัญเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่คิดว่าจะเจอคนแบบนี้ในสังคม เหมือนสวรรค์โปรด ถ้าไม่ได้เจอน้อง และมีคนอื่นหยิบไป เราอาจจะทุกข์ใจไปอีกนาน เพราะว่าเงินส่วนนี้เราจะไปจ่ายค่ายาง ที่เรารับซื้อกับลูกค้าไว้
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้